กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองไคร
หมู่ที่
๑๐ ตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
๑.
การก่อเกิด
หลังจากการตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมกระบวนการชุมชนเข้มแข็งป้องกันยาเสพติด
บ้านคลองไครได้ปรับแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดมาเป็นแบบ “บูรณาการ”
หมายความว่าในอดีตที่หมู่บ้านต้องดำเนินกิจกรรมตามการสั่งการของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
ซึ่งเดิมเป็นไปในลักษณะต่างหน่วยงานเข้ามาดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
โดยไม่ประสานงานกัน ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นการทำงานร่วมกับทีมงาน
ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงานที่เรียกว่า “วิทยากรกระบวนการ”
เข้ามาทำงานใกล้ชิด เพื่อคุ้มครอง ส่งเสริม
และเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย ใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน
ชาวบ้านเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาในชุมชน ภาคราชการปรับบทบาทจากผู้ดำเนินงาน
มาเป็นเพียงผู้คอยให้การสนับสนุน
โดยมีเป้าหมายที่การพัฒนาความสามารถประชาชนในการพึ่งพาตนเองและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน
เมื่อตัวแทนภาครัฐในนาม “วิทยากรกระบวนการ” เข้ามาทำความเข้าใจกับชาวบ้านและกระตุ้นสนับสนุนชุมชน
โดยมุ่งเน้นประเด็นความห่วงใยอนาคตเยาวชนลูกหลานเป็นมูลเหตุจูงใจ
ในขณะเดียวกันชาวบ้านเองก็มีความรู้สึกมั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินไปได้
เพราะจากนับจากขั้นแรกที่มีการชี้แจงว่าชาวบ้านจะช่วยเหลือและดูแลกันเอง
ไม่มีการส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปให้กับทางราชการ
เมื่อถึงขั้นตอนการระบุรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
จะเก็บรายชื่อไว้เป็นความลับโดยจะจุดไฟเผาทิ้ง ไม่มีการส่งรายชื่อให้ใคร
แต่จะมีคนในหมู่บ้านเป็นคนเก็บรายชื่อไว้โดยเลือกคนที่ชาวบ้านไว้ใจมากที่สุดที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคนชุมชนเข้มแข็งด้วยกัน
จากตรงนี้ชาวบ้านจึงเกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการส่งรายชื่อให้ภาครัฐ “...เพราะในที่ประชุม
คนที่เขียนมาก็เป็นพ่อแม่พี่น้องกัน ไม่ใช่ใครอื่น ก็อยากให้ลูกหลานปลอดภัย
ไม่อยากให้ทางตำรวจเข้ามายุ่ง เราดูแลตัวเราเอง...”
ทั้งผู้นำชุมชนและชาวบ้านมองว่าวิธีแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ผ่านมาไม่ได้ผลเท่าที่ควร
จึงเห็นดีด้วยกับวิธีการใหม่ของทีมวิทยากรกระบวนการ
ผู้นำทางการร่วมกับผู้นำธรรมชาติบ้านคลองไครจึงพยายามชักชวนชาวบ้านหลากหลายกลุ่ม
ทั้งชาวบ้านฐานะยากจนและกลุ่มคนฐานะดีในหมู่บ้าน ที่เห็นความสำคัญของปัญหายาเสพติด
และเห็นร่วมกันว่าจำเป็นต้องสร้างแนวร่วมชาวบ้านทุกคนเพื่อแสวงหาทางออกด้วยกัน
โดยมาร่วมมือกันเป็นคณะกรรมการชุมชนเข้มแข็ง
มาร่วมมือกันเป็นพลังของชุมชนเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนโดยไม่ถูกครอบงำจากภาครัฐ
ทั้งยังมีการรวมกลุ่มเยาวชนเพื่อช่วยกันสร้างภูมิคุ้มภัยยาเสพติด
บ้านคลองไครเริ่มดำเนินการสร้างชุมชนเข้มแข็งด้วยการปรับเปลี่ยนความคิด
เปลี่ยนวิธีการ ยกระดับการแก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการประชาคมหมู่บ้าน
อาศัยพลังชุมชนดูแลชุมชนของตนเอง
๒.
วิธีการที่ทำให้หมู่บ้านประสบความสำเร็จ
๒.๑)
โดยทีมอาสาสมัครวิทยากรกระบวนการร่วมกับผู้นำชุมชนบ้านคลองไครเข้าสืบสภาพชุมชน
พร้อมกับรวบรวมข้อมูลสำคัญของชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ
เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างอาสาสมัครวิทยากรกระบวนการกับชาวบ้านคลองไคร
มีการเปิดเวทีย่อยเพื่อเผยแพร่แนวคิดที่ว่า “มาตรการปราบปรามเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนได้
จำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อดูแลชุมชนของตนเอง”
การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนนั้นชาวบ้านต้องร่วมมือกัน จะหวังพึ่งพาอาศัยเฉพาะข้าราชการและคณะกรรมการหมู่บ้านคงไม่ได้
และพยายามสร้างความเข้าใจร่วมกันว่า
มาตรการปราบปรามของเจ้าหน้าที่เพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้
เพราะปัญหายาเสพติดเป็น
เรื่องที่เชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆ
ของชุมชน ด้วยการแก้ไขปัญหาของราชการที่มักจะเป็นไปในลักษณะเมื่อเสร็จกิจกรรมก็พากันยกกำลังกลับ
ปัญหาจึงมักจะไม่ได้รับการแก้ไข วนเวียนอยู่ในชุมชนมาโดยตลอด
ชาวบ้านจึงต้องเลิกคิดว่าปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่อง “ธุระไม่ใช่” หรือ “ชาวบ้านทำเองไม่ได้”
โดยให้ตระหนักว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาส่วนรวมของคนทั้งชุมชนที่ต้องลุกขึ้นมาร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา
๒.๒)
ทีมวิทยากรกระบวนการเข้ามาพบผู้นำชุมชน
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจในแนวทางกระบวนการชุมชนเข้มแข็ง
๑๐ ขั้นตอน โดยเฉพาะการเน้นบทบาทของผู้นำธรรมชาติ โดยไม่ได้มองข้ามความสำคัญของผู้นำทางการ
ซึ่งจะต้องทำงานประสานสอดคล้องกัน
เพราะในขณะที่ผู้นำทางการเหมาะสมที่จะเป็นผู้ประสานที่ดีระหว่างชุมชนกับหน่วยงานราชการ
ผู้นำธรรมชาติซึ่งมาจากศรัทธาของชาวบ้านจะสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
จึงเหมาะสมที่จะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง
ซึ่งผู้นำชุมชนต่างเห็นด้วยกับแนวคิดและแนวทางนี้
๒.๓) เปิดเวทีประชาคมทำความเข้าใจประชาชนในชุมชน
เพื่อชี้ชัดให้เห็นว่าทุกข์ของชุมชนนั้นเกิดจากปัญหาหลากหลายเชื่อมโยงกัน
โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่มีสถานการณ์แนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกวัน
และกลายเป็นตัวเร่งให้ปัญหาอื่นๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
มีการปลุกเร้าเวทีประชุมว่า
ถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนจะตกอยู่ในสภาพที่อันตรายตลอดเวลา
เยาวชนจะเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมไม่ดี และคงหนีไม่พ้นวงจรปัญหายาเสพติด
ชาวบ้านทั่วไปก็ตกอยู่สภาพเสี่ยงภัยที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้เสพและผู้ค้า
แต่สาระสำคัญที่วิทยากรกระบวนการพยายามเน้นย้ำ
คือชุมชนควรดูแลจัดการปัญหายาเสพติดด้วยตัวเองเป็นหลัก
ให้เปลี่ยนวิธีจากที่เคยใช้การดำเนินงานเชิงลับ รายงานให้ทางการเข้ามาจับกุม
โดยให้เลิกส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้เจ้าหน้าที่
หันมาใช้การจัดประชุมชุมชนอย่างเปิดเผย เข้าไปพูดคุยแบบเปิดอกกับผู้ค้า ผู้เสพ
แนะนำและช่วยเหลือกันและกัน ผู้ค้าก็ขอร้องให้เลิก
ผู้เสพก็ให้เข้ารับการบำบัดรักษา
และด้วยความคิดที่ว่าผู้นำทางการมีบทบาทหน้าที่รองรับการทำงานกลไกภาครัฐอยู่แล้ว แต่อาจจะมีข้อจำกัดในการทำงานบางอย่าง
ดังนั้นจึงน่าจะมีกลไกที่ไม่ใช่ระบบราชการ แต่มีความคล่องตัวในการจัดการปัญหาต่างๆ
อย่างเหมาะสมกับสภาวการณ์และสอดคล้องกับวิถีชีวิต/วิถีวัฒนธรรมของชุมชน
จึงเสนอให้มีการคัดเลือกผู้นำธรรมชาติจากความศรัทธาของชาวบ้านมาร่วมเป็น “คณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนบ้านคลองไครใต้”
๒.๔) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการชุมชนเข้มแข็งได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านคลองไครถึงการดำเนินการตามแนวทางชุมชนเข้มแข็ง
๑๐ ขั้นตอนว่า เป็นการใช้หลักสันติวิธีกับวิถีวัฒนธรรมชุมชนแก้ไขผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ให้อภัย ให้โอกาสและบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ใช้หมู่บ้านเป็นโรงพยาบาล
ใช้กรรมการเป็นหมอ ใช้บ้านของผู้เสพเป็นเตียงผู้ป่วย ไม่กดดัน บีบคั้น เร่งรัด
ไม่แบ่งฝ่ายคนดีคนเลว ไม่ให้องค์กรภายนอกชุมชนรู้ชื่อว่ามีใครเสพใครค้า ให้รู้แต่เพียงตัวเลขเท่านั้น
จะทำการคัดแยกเพื่อช่วยเหลือไม่ใช่เพื่อลงโทษ
ถือว่าผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ต้องเห็นใจช่วยเหลือ
ผู้ค้ารายย่อยที่เสพด้วยก็ถือว่าเขาหาเงินไปซื้อยามาใช้เอง ไม่เป็นโทษรุนแรง
แต่ถ้าขายเพราะโลภต้องมีโทษรุนแรง หากยังดื้อดึงไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหากับชุมชน
ก็ใช้มติของชุมชนส่งชื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการตามกฎหมาย
ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยที่ถือว่าเกินกำลังของชุมชน
มีการสร้างเครือข่ายรณรงค์ประชาสัมพันธ์และเฝ้าระวังยาเสพติดครอบคลุมครัวเรือนที่สมัครใจ
คือกรรมการ ๑ คน รับผิดชอบดูแลเครือข่ายของตน ๓ -๔ ครัวเรือน
ซึ่งเลือกเอาเองตามความเหมาะสมว่ากรรมการคนไหนสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับบ้านหลังใดได้บ้าง
ให้ไปหามาว่าจะดูแลคุ้มครองบ้านหลังไหน แต่ห้ามซ้ำกัน
แล้วนำรายชื่อนี้ให้กับเลาขากับประธาน
ซึ่งไม่จำเป็นว่าบ้านจะต้องใกล้กันให้กระจายกันออกไป
๒.๕) คัดแยกผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
เมื่อคณะกรรมการชุมชนเข้มแข้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์
ว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวทางใหม่ของชุมชนบ้านคลองไคร
มาถึงขั้นตอนการคัดแยกผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด วิธีการคือ
กรรมการแต่ละคนจะต้องเขียนรายชื่อผู้มีพฤติกรรมเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเท่าที่รู้มา
โดยคณะกรรมการ จะต้องพิจารณาสมาชิกให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน
แล้วเขียนรายชื่อระบุว่าใครอยู่ในข่ายสงสัย เสพ หรือค้า ให้ใส่ข้อมูลไปว่าบ้านไหน
ชื่ออะไร รู้จักพ่อแม่เขาไหม โดยกรรมการทุกคนห้ามส่งกระดาษเปล่า
เพื่อแสดงออกถึงการมีส่วนร่วม ถือว่าเป็นการเข้าร่วมทำความดีกับชุมชน
แล้วหย่อนกระดาษที่เขียนลงกล่องกระดาษที่เตรียมไว้
จากนั้นคณะกรรมการจะนำรายชื่อทั้งหมดมาพิจารณาวิเคราะห์ร่วมกัน
เพื่อความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลก่อนจะจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้าแฟ้มเก็บไว้เป็นข้อมูลของชุมชน
ไม่ให้บุคคลภายนอกรับรู้
๒.๖) การรับรองครัวเรือนปลอดยาเสพติด
เมื่อคัดแยกผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในเวทีประชาคมแล้ว
คณะกรรมการชุมชนเข้มแข็งก็ทำการรับรองครัวเรือนปลอดยาเสพติด
โดยใช้วิธีอ่านรายชื่อสมาชิกของแต่ละครัวเรือน หากครัวเรือนใดไม่ได้รับเสียงรับรองแบบเอกฉันท์จากคณะกรรมการ
ก็ให้นำรายชื่อผู้เกี่ยวข้องหรือต้องสงสัยในครัวเรือนนั้นไปปรับเพิ่มในบัญชีผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
แต่ไม่ได้หมายความว่าครัวเรือนนั้นเป็นคนไม่ดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ซึ่งจะต้องมีการติดตามดูแลเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
เพื่อการรับรองในรอบต่อไปหรือเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
๒.๗)
คณะกรรมการชุมชนเข้มแข็ง
ทำการปลุกกระแสและสร้างขวัญกำลังใจให้ครอบครัวปลอดยาเสพติดและถือเป็นการยอมรับยกย่องครัวเรือนเหล่านั้น
โดยมีแผนจะเชิญบุคคลสำคัญและผู้มีเกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานในการแจกธงสัญลักษณ์ปลอดยาเสพติดให้นำไปติดไว้หน้าบ้าน
ให้เห็นเด่นชัด
แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าหากครัวเรือนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็จะถูกถอดถอนสภาพครัวเรือนปลอดยาเสพติด
แล้วต้องเข้าสู่กระบวนการรับรองครัวเรือนอีกครั้งจึงจะสามารถกลับมารับธงปลอดยาเสพติดได้อีก
๓.
นวัตกรรมการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด
การจัดค่ายพัฒนาแกนนำเยาวชนและสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง (TO
BE NUMBER ONE CAMP FOR LEADERS
AND MEMBERS)
วัตถุประสงค์
เพื่อให้แกนนำเยาวชน
(ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน) และสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชน
· ได้รับการฝึกและพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำทั้งด้านบริหารและบริการ
· สามารถให้ความช่วยเหลือดูแลเพื่อนสมาชิกในด้านให้คำปรึกษาและแก้ปัญหา
· สามารถจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อการพัฒนา EQ ให้กับเพื่อนสมาชิก
· สามารถจัดกิจกรรมสร้างสุขให้สอดคล้องกับความต้องการของเพื่อนสมาชิก
· สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีและถ่ายทอดค่านิยมความเป็นหนึ่ง
(Somebody)
โดยไมต้องพึ่งยาเสพติดให้แก่เพื่อนสมาชิก
· สามารถสร้างและขยายเครือข่ายแกนนำเยาวชนและสมาชิกชมรมจากรุ่นสู่รุ่นโดยการเรียนรู้จากการทำงานร่วมกัน
ขั้นตอน/กิจกรรมการดำเนินงาน
๑. ดำเนินการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชน 1 ชมรม
โดยการเปิดรับสมัครจากทุกหมู่บ้าน
๒.เทศบาลตำบลคลองพนพัฒนา
ร่วมกับคณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินตำบลคลองพนสนับสนุนในกระบวนการจัดค่ายพัฒนาแกนนำเยาวชนและสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง (TO
BE NUMBER ONE CAMP FOR LEADERS
AND MEMBERS)
๓.สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชน (ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน)
เข้าร่วมโครงการจัดค่ายฯ ๑ รุ่นๆละ ๓ วัน (๒ คืน ๓ วัน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น